การรับโทรศัพท์
กริ๊ง กริ๊ง...ฮัลโหล ฮัลโหล แน่นอนว่าในปัจจุบันการติดต่อที่รวดเร็วและฉับไวที่สุดก็คงหนีไม่พ้นโทรศัพท์
ในบทนี้เราจึงจะชวนไปทำความเข้าใจการพูดคุยทางโทรศัพท์เป็นภาษาอังกฤษกันค่ะ
แต่เราจะมีวิธีพูดคุยอย่างไรให้เข้าใจ ไปดูกันค่ะ
กรณีที่คุณเป็นคนรับโทรศัพท์ มีบทสนทนาอะไรบ้างที่น่าสนใจและนิยมใช้ดังนี้
ลองศึกษากันดูค่ะ
การกล่าวทักทายตามช่วงเวลาของวัน
Good morning. (สวัสดีตอนเช้า) หากรับโทรศัพท์ในช่วงเช้า
Good afternoon. (สวัสดีตอนบ่าย) หากรับโทรศัพท์ในช่วงบ่าย
Good evening. (สวัสดีตอนเย็น) หากรับโทรศัพท์ในช่วงเย็น
Hello. (สวัสดี) ใช้ได้กับทุกช่วงเวลาของวัน
การเสนอความช่วยเหลือแก่ผู้ที่โทรเข้ามา
May/Can I help you? (มีอะไรให้ช่วยไหม)
How can I help you? (มีอะไรให้ช่วยไหม)
บอกสถานที่ที่เรารับสาย
Good morning, this is ABC
office. (สวัสดีตอนเช้า ที่นี่คือออฟฟิศ ABC)
Hello, this is the Accounting
Department. (สวัสดี ที่นี่เป็นแผนกบัญชี)
บอกว่าใครกำลังพูดสายอยู่
Hello, Jane’s speaking. (สวัสดีค่ะ เจนกำลังพูดค่ะ)
ขอทราบชื่อผู้ที่โทรศัพท์เข้ามา
Who’s calling, please? (ไม่ทราบว่าใครกำลังพูดสายคะ)
Can/May I have your name
please? (ขอทราบชื่อคุณได้ไหมคะ)
May I ask who’s calling please?
ขอทราบได้ไหมคะว่าใครโทรมา
ขอให้ผู้ที่โทรศัพท์เข้ามาถือสายรอ
Hold on, please. (ถือสายรอสักครู่นะคะ)
Please hold for a moment. (กรุณาถือสายรอสักครู่)
One moment, please. (รอสักครู่นะคะ)
Wait a minute, please. (รอสักครู่นะคะ)
บอกให้ผู้ที่โทรศัพท์เข้ามาทราบว่าคนที่ผู้ที่โทรศัพท์เข้ามาจะคุยด้วยไม่ว่าง
หรือติดอีกสายหนึ่งอยู่
The line is busy. (สายไม่ว่างค่ะ)
He is on another call. (เขาติดอีกสายอยู่ค่ะ)
am sorry he is in the meeting
right now. (ขอโทษค่ะ ตอนนี้เขาอยู่ในที่ประชุมค่ะ)
บอกให้ผู้ที่โทรศัพท์เข้ามาทราบว่าคนที่ต้องการคุยไม่อยู่
I am sorry he is out. (ขอโทษด้วยนะคะเขาออกไปข้างนอกค่ะ)
I am sorry but she isn’t here
at the moment.
(ขอโทษนะคะ ตอนนี้เธอไม่อยู่ที่นี่ค่ะ)
(ขอโทษนะคะ ตอนนี้เธอไม่อยู่ที่นี่ค่ะ)
I am sorry but he’s out of the
office.
(ขอโทษนะคะ เขาออกไปจากออฟฟิศแล้วค่ะ)
(ขอโทษนะคะ เขาออกไปจากออฟฟิศแล้วค่ะ)
I am afraid that he is away
from his desk.
(ฉันเกรงว่าเขาจะไม่อยู่ที่โต๊ะค่ะ)
(ฉันเกรงว่าเขาจะไม่อยู่ที่โต๊ะค่ะ)
I am sorry she is not in. (ขอโทษด้วยนะคะ เธอไม่อยู่ค่ะ)
เสนอให้ผู้ที่โทรศัพท์เข้ามาฝากข้อความไว้
Would you like to leave a
message? (คุณจะฝากข้อความไว้ไหม)
Can/May I take your name and
number? (คุณจะฝากชื่อกับเบอร์โทรศัพท์ไว้ไหม)
Can I take a message? (ให้ฉันจดข้อความไว้ไหม)
กรณีที่คุณเป็นคนโทรศัพท์เข้าไป
มีบทสนทนาอะไรบ้างที่น่าสนใจและนิยมใช้ ลองศึกษาดูค่ะ
ขอพูดสายกับใคร
Can/Could/May I speak to John,
please? (ขอสายจอห์นหน่อยได้ไหม)
I would like to speak to Mr.
Paul, please. (ขอพูดกับคุณพอลหน่อย)
Is Mike there? (ไมก์อยู่ไหม)
Is Marie in? (แมรีอยู่ไหม)
แจ้งชื่อและวัตถุประสงค์ของเราว่าโทรศัพท์เข้ามาเพื่ออะไร
This is Jane. I’m calling about
the meeting. (นี่เจนพูด ฉันโทรมาเกี่ยวกับเรื่องการประชุม)
ให้สังเกตว่า หลัง I’m calling about (จะต่อด้วยประเด็นเรื่องที่ติดต่อเข้ามา)
ขอให้ผู้รับโทรศัพท์โอนสาย
Can you please transfer me to
him? (ช่วยโอนสายให้เขาหน่อยได้ไหม)
Could you put me through Jim
please? (ช่วยโอนสายให้จิมหน่อยได้ไหม)
แจ้งว่าคุณจะโทรกลับมาใหม่
I will call back later. (ฉันจะโทรกลับมาใหม่)
I will try him another time. (ฉันจะลองโทรหาเขาใหม่)
แจ้งให้โทรกลับ
Could you please ask him to
call me back?
(คุณช่วยบอกให้เขาโทรกลับหาฉันหน่อยได้ไหม)
(คุณช่วยบอกให้เขาโทรกลับหาฉันหน่อยได้ไหม)
This is Minnie, and my number
is 1234567.
(นี่คือมินนี เบอร์โทรศัพท์ของฉันคือ 1234567)
(นี่คือมินนี เบอร์โทรศัพท์ของฉันคือ 1234567)
ขอให้ผู้รับสายจดข้อความ
Can I leave a message for him? (ฉันฝากข้อความไว้ให้เขาได้ไหม)
Could you take a message for me? (คุณช่วยจดข้อความให้ฉันได้ไหม)
ขอโทษหากต่อสายผิด
I am sorry; I have got the
wrong number.
(ขอโทษค่ะ ฉันได้เบอร์ผิดมา)
(ขอโทษค่ะ ฉันได้เบอร์ผิดมา)
I am sorry; I dial the wrong
number. (ขอโทษค่ะ ฉันต่อเบอร์ผิด)
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น