เคล็ดวิชา คว้าทุน

ความสามารถทางภาษาอังกฤษ

Man is a goal-seeking animal. 
His life only has meaning if he is reaching out and striving for his goals. –Aristotle
(มนุษย์เป็นสัตว์ที่แสวงหาเป้าหมาย ชีวิตของมนุษย์คนหนึ่งจะมีความหมายก็ต่อเมื่อได้พยายามและต่อสู้เพื่อเป้าหมายของตน 
อริสโตเติล)

วันนี้พี่นุ้ยขอสวมบทบาทเป็นพี่นุ้ย English Breakfast ตอบปัญหาคาใจเรื่องภาษาอังกฤษกับการสอบชิงทุน เรามาดูคำถามยอดนิยมกันดีกว่า

Q: นักเรียนทุนสอบภาษาอังกฤษอะไรกันบ้าง
A: ทุนการศึกษาบางทุนจัดการสอบภาษาอังกฤษขึ้นเอง โดยจะระบุรายละเอียดการสอบไว้ในใบสมัครตั้งแต่แรก ส่วนบางทุนพิจารณาคะแนนจากการทดสอบโดยข้อสอบมาตรฐาน เช่น TOEFL และ IELTS มือใหม่หัดชิงทุนหลายๆคนคงเคยได้ยินชื่อการทดสอบเหล่านี้

TOEFL (โทเฟล): ประเมินความสามารถด้านภาษาอังกฤษของผู้ที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่หนึ่ง การสอบ TOEFL มีหลายรูปแบบ แต่แบบที่แพร่หลายที่สุด คือ TOEFL Internet-based Testing หรือ TOEFL iBT (สอบผ่านอินเตอร์เน็ต) ซึ่งเป็นระบบใหม่ที่จะเข้ามาทดแทนการสอบ TOEFL แบบเก่า
TOEFL สอบทั้งฟัง พูด อ่าน เขียน โดยการฟังเป็นฟังทั้งสนทนาและการบรรยาย การพูดจะให้พูดเรื่องทั่วไปและแสดงความคิดเห็นเชิงวิชาการจากเรื่องที่อ่านหรือฟัง และยังมีการอ่าน passage รวมถึงการเขียนรวมถึงการเขียนสรุปความเข้าใจและแสดงทัศนคติต่อเรื่องที่อ่านหรือฟัง มีข้อสังเกตว่า TOEFL แบบใหม่นี้จะเน้นการวัดทักษะแบบบูรณาการ คือ สอบหลายทักษะพร้อมๆกัน เช่น ถ้าจะเขียนแสดงความคิดเห็นได้ก็จะต้องอ่านและฟังเรื่องที่โจทย์กำหนดให้ได้เข้าใจเสียก่อน
น้องสามารถสมัครสอบ TOEFL ได้ง่ายและรวดเร็วที่สุดผ่านเวปไซด์ http://www.toefl.org เลือก Register for the Test (ลงทะเบียนสมัครสอบ) กำหนด Location (ตำแหน่งที่ตั้ง) เป็น Thailand (ประเทศไทย) จะมีตารางสอบและสนามสอบในจังหวัดต่างๆปรากฎอยู่บนหน้าเวป (ในกรุงเทพฯ สนามสอบจะอยู่ที่ Institute of International Education-Southeast Asia หรือ IIE ที่ตึกมณียา ถ.เพลินจิต)


IELTS (ไอเอลส์): เป็นการทดสอบประเมินความสามารถด้านภาษาอังกฤษของผู้ที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเช่นเดียวกับ TOEFL ข้อแตกต่างของ TOEFL กับ IELTS คือ TOEFL เป็นระบบการสอบของสหรัฐอมริกา ในขณะที่ IELTS เป็นของอังกฤษ รายละเอียดและเนื้อหาการสอบจึงไม่เหมือนกันตามไปด้วย การสอบ IELTS เองยังแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ General Training Module (สำหรับผู้ที่ต้องการไปฝึกอบรมหรือทำงานในต่างประเทศ เน้นการสื่อสารในชีวิตประจำวัน) แต่หากน้องจะไปศึกษา ขอให้เลือกแบบ Academic Module ค่ะ
Academic Module ทดสอบการฟังทั้งบทสนทนาสั้นๆและการฟังบรรยายยาวๆ ส่วนการอ่านมีทั้งปรนัย เติมคำ จับคู่ข้อความที่อ่านกับหัวเรื่อง และยังสอบเขียนโดยให้เขียนบรรยายแผนภูมิและเขียนบทความแสดงทัศนคติต่อข้อคำถาม จากนั้นก็จะมีทดสอบพูด ตอบคำถามเรื่องทั่วไป และแสดงความเห็นต่อสถานการณ์ต่างๆตามโจทย์ที่ได้รับ
น้องๆสามารถสมัครสอบ IELTS ได้ที่ The British Council (กรุงเทพฯ/เชียงใหม่) และ IDP (ถ.สีลม กรุงเทพฯ/หาดใหญ่/ขอนแก่น) The British Council เป็นองค์กรที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายของประเทศอังกฤษ มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความร่วมมือกับนานาประเทศในด้านการศึกษาและวัฒนธรรม (ไม่ใชเพียงโรงเรียนสอนภาษาธรรมดาๆ อย่างที่หลายคน หรือแม้แต่พี่นุ้ยเคยเข้าใจ) ส่วน IDP คือ องค์กรเอกชนที่ไม่แสวงหากำไรซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวแทนสถาบันการศึกษาและมหาวิทยาลัยของออสเตรเลีย

Tips:เมื่อ 5-10 ปีที่แล้ว ถ้าจะไปอเมริกา น้องต้องสอบ TOEFL แต่ถ้าไปอังกฤษหรือออสเตรเลีย ต้องสอบ IELTS แต่เดี๋ยวนี้คะแนน TOEFL และ IELTS สามารถใช้แทนกันได้ โดยสถาบันการศึกษาจะกำหนดว่าคะแนนที่ผ่านเกณฑ์คือเท่าไร และการส่งผลคะแนนไปยังสถาบันการศึกษาอย่างเป็นทางการจะต้องทำโดยศูนย์สอบเท่านั้น (ระบุชื่อสถาบันการศึกษาตั้งแต่ตอนสมัคร) น้องไม่สามารถถ่ายเอกสารผลคะแนนแล้วส่งไปยังสถาบันด้วยตัวเองได้ ยกเว้น ในกรณีที่ต้องการแจ้งผลอย่างไม่เป็นทางการเป็นเบื้องต้นก่อน
นอกจากการทดสอบ TOEFL และ IELTS แล้ว ยังมีการทดสอบภาษาอังกฤษอื่นๆ (ที่อาจไม่สัมพันธ์กับการเป็นนักเรียนทุนโดยตรง) พี่นุ้ยจะขอให้ข้อมูลคร่าวๆดังนี้ค่ะ

CU-TEP (ซียู เท็ป หรือเรียกกันขำๆว่าซียู เทพ): เป็นการทดสอบภาษาอังกฤษที่จัดขึ้นโดยศูนย์ทดสอบทางวิชาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วัดการฟัง อ่าน passage และเขียน โดยความสามารถทางการเขียน (writing ability) จะประเมินจากการทำข้อสอบไวยากรณ์ที่ให้พิจารณาจากตัวเลือกทั้งหมดว่าข้อใดผิด (error identification) ไม่ได้ให้เขียนบทความ ไม่มีการสอบพูด สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.atc.chula.ac.th

TU-GET (ทียู เก็ท): เป็นการทดสอบภาษาอังกฤษที่จัดขึ้นโดยมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วัดความสามารถทางไวยากรณ์ การหาข้อผิด (error identification) คำศัพท์ และการอ่านจับใจความ สามารถดูรายละเอียดได้ที่ http://www.tu.ac.th ตรงเมนูหน่วยงานและสถาบันให้เลือก สถาบันภาษา ค่ะ
Tips: CU-TEP และ TU-GET มีค่าสมัครสอบอยู่ในช่วงหลักร้อย ถูกกว่า TOEFL และ IELTS 10 เท่า! ดังนั้น หากสนใจทุนการศึกษาภายในประเทศ น้องๆอาจลองสอบถามแหล่งทุนดูว่าจะใช้ผล CU-TEP หรือ TU-GET เป็นหลักฐานคะแนนภาษาอังกฤษได้หรือไม่ ในกรณีที่จะเรียนต่อในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยหรือธรรมศาสตร์ น้องสามารถใช้คะแนน CU-TEP หรือ TU-GET ได้โดยไม่ต้องเสียเงินหลักพันไปสมัครสอบ TOEFL และ IELTS

TOEIC (โทอิค): เป็นการทดสอบภาษาอังกฤษสำหรับผู้ที่ทำงานหรือเพื่อสมัครเข้าทำงานในองค์กรต่างๆ เช่น สายการบินและบริษัท (อย่าจำสลับกับ TOEFL นะคะ) วัดการฟัง การอ่าน และไวยากรณ์ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.toeic.co.th หรือศูนย์สอบ อาคาร BB ย่านอโศก สุขุมวิท โดยทั่วไป น้องไม่สามารถใช้คะแนน TOEIC ไปยื่นสมัครทุนได้ ยกเว้น ทุนอบรม หรือทุนที่ให้ในสำนักงาน

GMAT (จีแมท): เป็นการทดสอบเพื่อวัดความสามารถของผู้ที่จะเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาโทและปริญญาเอกในสาขาบริหารธุรกิจ สอบทั้งคณิตศาสตร์และภาษาอังกฤษ ในส่วนภาษาอังกฤษจะมีทั้งการอ่าน การใช้เหตุผล ไวยากรณ์และการเขียน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.mba.com

SAT (แซท): เป็นการทดสอบเพื่อวัดความสามารถของนักเรียนที่ต้องการศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี (ในต่างประเทศหรือหลักสูตรภาคภาษาอังกฤษในประเทศไทยบางแห่ง) สอบคณิตศาสตร์และภาษาอังกฤษทั้งการเขียน คำศัพท์ และการอ่านเชิงวิพากษ์ (critical reading) ซึ่งไม่เหมือนกับการอ่านจับใจความโดยปกติ การอ่านเชิงวิพากษ์จะเน้นความเข้าใจต่อทัศนคติและวัตถุประสงค์ของผู้ส่งสารมากกว่าจะถามข้อมูลจากเรื่องที่อ่ารน น้องๆที่สนใจข้อมูล SAT สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.collegeboard.com สมัครสอบเลือก Register for the SAT (สถาบันการศึกษาบางแห่งจะยอมรับคะแนน ACT ด้วย SAT และ ACT เป็นการสอบที่มีวัตถุประสงค์เดียวกัน เพียงแต่มาจากคนละค่าย ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสอบ ACT ได้ที่ http://www.act.org)

GRE (จีอาร์อี): เป็นการทดสอบเพื่อวัดความสามารถของนักเรียนที่จะศึกษาต่อระดับปริญญาโทในสหรัฐอเมริกา (ยกเว้นสาขาบริหารธุรกิจ ซึ่งต้องสอบ GMAT และสาขาแพทย์ ซึ่งต้องสอบ USMLE) สอบคณิตศาสตร์และภาษาอังกฤษ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.gre.org


อย่าเพิ่งตกใจว่า โห! ทำไมต้องสอบเยอะขนาดนี้เนี่ย ถ้าได้อ่านรายละเอียดของการสอบแต่ละประเภท น้องก็จะรู้เลยว่าการทดสอบแต่ละอย่างมีวัตถุประสงค์แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับระดับและสาขาที่จะไปเรียน หากต้องการรู้ให้ชัดๆว่าเราต้องสอบอะไรบ้าง ขอให้น้องๆเข้าไปดูในข้อกำหนดของหลักสูตรที่จะสมัครเข้าศึกษาต่อ รวมถึงข้อกำหนดของทุนการศึกษาที่จะสมัคร พี่นุ้ยไม่ค่อยสนับสนุนให้น้องๆไปสอบกันอย่างไม่มีจุดมุ่งหมาย เพราะการสอบแต่ละอย่างมีค่าสมัครหลายพันอยู่ค่ะ