เพลงสะกดใจ
because my heart
(Chorus: Love Love you)
usually hears
(Chorus: Love) every…every…every day
I feel enchanted
with you
with words, the
words that you love me.
I can spell three
words only I-L-O-V-E-Y-O-U
เพราะใจของฉัน
(Chorus:
Love Love you)
because
my heart (Chorus: Love Love you)
ที่วงเล็บ
Chorus หมายถึง เป็นท่อนร้องของคอรัสที่อยู่ด้านหลังนะจ้ะ
เสมือนว่าคนที่ร้องเพลง (แกรนด์)ได้ยินเสียงก้องอยู่ในหูว่า
Love you ตลอดเวลา ประโยคนี้ใช้ Because ผิดไวยากรณ์ไปซักนิด เพราะโดยปกติแล้ว Because ต้องเชื่อม 2
ประโยคเข้าด้วยกัน คือประโยคสาเหตุและประโยคผล โดยประโยคที่ตามหลัง Because จะแสดงถึงสาเหตุ เช่น I
still miss you because you are always in my heart. หรือ Because
you are always in my heart, I still miss you ทั้งสองมีความหมายเหมือนกันคือ
ฉันยังคงคิดถึงคุณเพราะคุณยังอยู่ในใจของฉันเสมอ แต่สำหรับเพลงสะกดใจ
เราจะเห็นเฉพาะประโยคเหตุคือใจของฉันได้ยินคำว่ารักอยู่ในหูค่ะ
ได้ยินเสมอ
(Chorus:
Love) ทุกวันทุกวัน ทุกวันอยู่ในหู
usually hears (Chorus: Love) every…every…every day
ได้ยิน จะมีคำที่ใช้บ่อยๆคือ listen hear และ hear of สำหรับ listen นั้น จะใช้เมิ่อเราฟังสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างพิจารณาและตั้งใจ เช่น I am listening to the music. ฉันกำลังฟังเพลงอยู่
usually hears (Chorus: Love) every…every…every day
ได้ยิน จะมีคำที่ใช้บ่อยๆคือ listen hear และ hear of สำหรับ listen นั้น จะใช้เมิ่อเราฟังสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างพิจารณาและตั้งใจ เช่น I am listening to the music. ฉันกำลังฟังเพลงอยู่
ในขณะที่
hear เน้นประสาทสัมผัสการได้ยิน I have just heard a haunting voice
behind me? (ฉันได้ยินเสียงหลอนๆข้างหลังฉัน) ฝรั่งเขาถึงมีคำพูดว่า
Hear with your ears, but listen
with your heart. (ได้ยินด้วยหู แต่ฟังด้วยใจ)
ส่วน hear of หมายถึง ได้ยินและรับรู้ว่าบางสิ่งมีอยู่ เช่น
ส่วน hear of หมายถึง ได้ยินและรับรู้ว่าบางสิ่งมีอยู่ เช่น
Have
you heard of Siam Square? นี่ไม่ได้แปลว่าสยามสแควร์พูดได้นะ
แต่หมายความว่าคุณรู้จักสยามสแควร์หรือไม่ ไว้ถามนักท่องเที่ยวได้ค่ะ
มีที่คล้ายกันอีกคู่หนึ่งคือ know of และ know คู่นี้ไม่ได้หมายถึงการได้ยิน แต่เป็นการรับรู้ค่ะ
มีที่คล้ายกันอีกคู่หนึ่งคือ know of และ know คู่นี้ไม่ได้หมายถึงการได้ยิน แต่เป็นการรับรู้ค่ะ
Know of คือ รู้จักว่ามีอยู่ แต่ไม่ได้รู้จักกันจริงๆ แต่ know คือ รู้ และรู้จักกันจริงๆ แบบคุ้นเคย เคยคุยด้วย
I know of Naded, but I don’t know him (in person).
ฉันรู้จักณเดชน์ แต่ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว
สงสัยเธอสะกดใจฉัน
I
feel enchanted with you
I
feel enchanted with someone or something จะมีความหมายว่า
หลงเสน่ห์หรือรู้สึกถึงมนต์เสน่ห์ของบางคนหรือบางสิ่ง ถ้าใครจำได้ในปี 2007
มีภาพยนตร์ดังเรื่องหนึ่งของ Walt Disney ชื่อเรื่อง Enchanted เนื้อเรื่องพูดถึงเจ้าหญิง ความสวยงาม และเวทมนตร์ นึกแล้วช่วยให้จำศัพท์ได้ดีเชียวแหละ
ด้วยคำ
คำว่า you
love me
with
words, the words that you love me.
อันนี้ต่อมาจากท่อนที่แล้ว
คือ นอกจากจะหลงในตัวคุณแล้ว ยังหลงและประทับใจในคำที่บอกรักกันอีกด้วย
ฉันเลยสะกดได้แค่คำนี้ I Love you
I
can spell three words only
I-L-O-V-E-Y-O-U
spell
คำนี้ นอกจากจะแปลว่า สะกดคำ แล้ว ยังมีความหมายอื่นได้อีก นั่นคือ
เวทมนตร์ ทำหน้าที่เป็นคำนาม เช่น The witch always casts a spell on people. มีความหมายว่า
แม่มดมักร่ายเวทมนตร์ใส่คนทั้งหลาย ร่ายเวทมนตร์เราจะใช้กริยา cast นะคะ
คำฮิต...ติดใจ
เวลาเราจะบอกรักใครก็ I love you กันอยู่ประจำ อย่างนี้คนที่ฟังก็คงจะเบื่อแย่ ใช้แต่ประโยคเดิมๆ
แล้วจะจีบใครติดรึเปล่านั่น หากเทคนิคเก่าๆไม่ได้ผล
พี่นุ้ยขออาสาพาไปดูถ้อยคำอื่นๆที่ใช้บอกความในใจกันค่ะ
คำแรก
Love at
first sight คาดว่านอกจาก I love you แล้ว คำนี้น่าจะเป็นที่รู้จักของใครหลายๆคน
แปลง่ายๆ ลงตัวเลย love แปลว่า รัก at แปลว่า
เมื่อ first แปลว่า แรก sight แปลว่า
เห็น รวมๆก็คือ “รักแรกพบ” ประมาณว่าเจอแล้วใช่เลยคนนี้ นี่แหละที่เราชอบ
คำนี้ก็พบเจอได้บ่อยๆ ทั่วๆไป เหมือนคำว่า I love you
ใช้กันง่ายๆได้เลยว่า You are my love at first sight. (คุณคือรักแรกพบของผม)
คำที่สอง
น่าสนใจใช่ย่อยนั่นคือ have
a crush (on someone) คำนี้ได้ยินบ่อยตามพวกภาพยนตร์โรแมนติก
หรือไม่ก็ภาพยนตร์วัยรุ่น โดยปกติแล้ว crush จะแปลว่า กด, บีบ, หรือ บด แต่ในที่นี้ have a crush (on someone) ก็ไม่ได้แปลว่า เราจะไปบดใครนะ
มันเป็นสำนวนแปลว่า เราปลื้มใครบางคนแล้วแหละ คำนี้มักจะใช้ในอารมณ์ประมาณว่า
แอบชอบ ใช้ไม่ยากเลย แค่เปลี่ยน someone เป็นชื่อคนที่เราปลื้มก็จบแล้ว
เช่น I have a crush on Megan. (ฉันชักจะปลื้มเมแกนซะแล้ว) I have a crush on you. (ฉันปลื้มเธออยู่นะ) เห็นในเพลงสากลบ่อยด้วยนะคะ
คำที่สาม
คำนี้อาจไม่เป็นที่รู้จักมากนัก นั่นคือคำว่า fall head over heel in love (with
someone) ในที่นี้ ไม่ได้แปลว่า
รักจนกระทั่งเอาหัวไปไว้เหนือส้นเท้านะ!!
แต่มันเป็นสำนวนที่แปลว่า รักหัวปักหัวปำ รักมากๆเลย การใช้ก็เหมือนเคย
ไม่ยากอย่างที่คิด เปลี่ยน someone เป็นชื่อคนที่เรารักซะ
ก็เสร็จแล้ว เช่น I fall head over heel in love with Megan. เรารักเมแกนแบบหัวปักหัวปำเลยล่ะ
คำที่สี่
คำนี้คาดว่าน่าจะเป็นที่รู้จักของทุกคน เพราะ “ความรักทำให้คนตาบอด”
นั้นเป็นสำนวนที่ติดปากของบ้านเรา ในภาษาอังกฤษนั้นก็ใช้เหมือนกับบ้านเราเลยคือ Love is blind. หรือ Love makes me blind. เป็นคำพูดที่ใช้ทั่วไปกับคนมีความรัก
แล้วรักจนยอมทำทุกอย่าง ผิดหรือถูกไม่รู้ แต่เพื่อรักแล้วฉันทำได้
คำที่ห้า
อาจจะแปลกแต่ก็เป็นเรื่องจริง เพราะว่าคำนี้ the apple of my eye
ไม่ได้แปลว่า ผลแอปเปิ้ลในลูกตาฉันนะ!! แต่มันแปลว่า
สุดที่รัก(ของฉัน) เป็นสำนวนน่ารักๆอีกสำนวนหนึ่ง ใช้เพื่อบอกว่า
เธอมีค่ากับฉันมากๆเลยนะ ฉันรักเธอสุดๆเลยล่ะ การใช้งานก็ไม่ยากอีกตามเคย
บอกเลยตรงๆ You are the apple of my eye. ฉันรักเธอสุดๆเลย
เธอเป็นแก้วตาดวงใจของฉัน หรือถ้าอยากเปลี่ยนแนวก็ I am the apple of your
eye. ฉันเป็นที่รักของเธอ (ออกแนวหลงตัวเอง)
สำนวนนี้สามารถใช้บรรยายถึงความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่กับลูกได้ด้วยนะคะ
คำที่หก
You light
up my life. เป็นสำนวนแปลว่า
เธอทำให้ชีวิตของฉันสดใสงดงาม ไม่ได้แปลว่าเธอมาจุดไฟฉันนะ จริงอยู่ที่ light
up นั้นแปลว่า จุดไฟ แต่ในสำนวนนี้
การจุดไฟให้ความรู้สึกว่ามีเธอคอยมาทำให้ชีวิตฉันสดใส
เหมือนมีใครมาจุดไฟให้ในที่ๆไร้แสง เป็นความหมายที่โรแมนติกใช้ได้
ใช้กับคู่รักกันแบบหวานๆซึ้งๆ นอกจากนี้ ยังมีคล้ายๆกันอีก เช่น “You are
the sunshine of my life” หรือ “You are the light of my
life” ทั้งหมดนี้แปลว่าคุณเป็นแสงสว่างในชีวิตของฉัน
คำที่เจ็ด drive me crazy ในที่นี้เมื่อใช้พูดถึงคนรักกันจะไม่ได้แปลว่าเธอทำให้ฉันบ้านะ
แต่มันเป็นสำนวนแปลว่า เธอทำให้ฉันรู้สึกสั่นระรัว รู้สึกใจเต้น
ใช้บอกรักแบบธรรมดานี่แหละ ความหมายอาจจะไม่เท่า I love you
เพราะให้ความรู้สึกแบบคลั่งไคล้มากกว่า ใช้ไม่ยากบอกเลยตรงๆ เช่น Megan,
you drive me crazy. เมแกน ฉันนะคลั่งเธอมากเลยนะ
คำที่แปด
to be
falling in love with (someone) คำนี้น่าจะเป็นที่รู้จักทั่วไป
เพราะใช้กันอย่างแพร่หลายทั้งในภาพยนตร์และเพลงสากล คำนี้แปลง่ายๆตรงตัวเลยว่า
ตกหลุมรักเข้าแล้ว คำนี้มีความหมายลึกซึ้งกว่าคำว่า I love you ให้อารมณ์ว่าตกบ่วงรัก ดิ้นไม่หลุด การใช้งานก็เปลี่ยน someone เป็นชื่อคนที่เราชอบซะ หรือไม่ก็คำว่า you
แทนบุคคลที่เราพูดด้วย เช่น I’m falling in love with you (ฉันตกหลุมรักคุณแล้ว) นอกจากนี้
ยังมีถ้อยคำที่คล้ายๆกันอีกได้แก่ You are my everything. (เธอคือทุกสิ่งทุกอย่าง)
หรืออาจจะลองใช้เป็นประโยคปฏิเสธให้คนฟังตื่นเต้น คือ I do
not love anyone but you. (ฉันไม่รักใครนอกจากคุณ) ฟังตอนแรกอาจจะตกใจเล็กน้อย นึกว่าไม่รักใคร แต่มาบอกรักเอาตอนหลังตรง but
you นี่แหละค่ะ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น