Life is a continuous journey

Life is a continuous journey จากนิตยสาร Just Ask @ Thaioil



พอขึ้นปีใหม่ หลายคนจะเริ่มตั้ง New year resolution หรือปณิธานว่าปีนี้เราจะเปลี่ยนแปลงอะไรหรือมีเป้าหมายอะไรกันบ้าง ความปรารถนานั้นมักหนีไม่พ้นเรื่องความรัก สุขภาพ การงาน และที่สำคัญ คือ ความสุขสมหวัง ฝรั่งมักจะเปรียบเทียบชีวิตว่าเป็นเหมือนการเดินทาง Life is a continuous journey where the destination is unknown. ถึงแม้เราจะไม่รู้จุดหมายปลายทาง (destination) ว่าข้างหน้าจะเป็นอย่างไร แต่หากเราพยายามอย่างเต็มที่สิ่งที่หวังย่อมไม่ไกลจนเกินเอื้อมค่ะ วันนี้นุ้ยจึงขอเติมพลังและสร้างแรงบันดาลใจสำหรับปี 2554 ด้วยสำนวนที่กินใจ ให้ข้อคิด และยังได้ความรู้ภาษาอังกฤษอีกด้วย

เริ่มต้นด้วยคำคมที่ว่า The most difficult step of any journey is the first. ฝรั่งและคนไทยมองเหมือนกันค่ะว่าก้าวที่ยากที่สุดของการเดินทางคือก้าวแรก การเดินทางในที่นี้หมายถึงทางชีวิตนะคะ เดี๋ยวจะงงว่าจะออกไปเที่ยวจะยากอะไรนักหนา journey แสดงให้เห็นว่าการเดินทางนี้ยากและยาวเมื่อเปรียบเทียบกับ trip ซึ่งเป็นระยะสั้นๆและมีวัตถุประสงค์แน่นอน เมื่อเริ่มออกเดินก็เป็นที่รู้กันว่าต้องพบกับด่านของอุปสรรค หากอยากจะให้กำลังใจใครสักคนและไม่อยากใช้คำพูดเดิมๆ อย่าง Cheer up! Come on! หรือ Keep walking. (สู้ๆ) ก็อาจลองใช้คำคมอย่าง The further your journey takes you, the more dangers you will encounter. The more you dare, the more you win. (ยิ่งเดินทางออกไปไกลเท่าไร เธอก็จะเผชิญอันตรายมากขึ้นเท่านั้น ยิ่งเธอกล้าหาญเท่าไร เธอก็จะสามารถเอาชนะอุปสรรคได้มากขึ้นเท่านั้น) แต่ถ้าใครจะบอกว่ามันยาวไปหน่อยอยากได้สั้นกว่านี้ก็มีสุภาษิตหนึ่ง คือ Every cloud has a silver lining. (เมฆทุกก้อนมีเส้นขอบสีเงิน) เส้นสีเงินนี้ก็คือความหวัง ดังนั้น อย่าหมดหวัง เพราะสุดท้ายจะมีสิ่งดีๆรอเราอยู่ มองโลกในแง่ดีเข้าไว้  พูดแล้วก็ทำให้นึกถึงสำนวนไทยที่ว่าความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น ซึ่งเท่ากับ Where there is a will, there is a way. ในภาษาอังกฤษ แปลตรงตัว คือ ที่ใดที่มีความตั้งใจ ที่นั่นย่อมมีทาง will ในที่นี้เป็นคำนาม หมายถึง ความตั้งใจ

มีนิทานอยู่เรื่องหนึ่งเล่าถึงกระต่ายน้อยกับนกอินทรี กระต่ายเห็นนกอินทรีจับกิ่งไม้อยู่เฉยๆ กระต่ายจึงถามไปว่า   “Can I also sit like you and do nothing?” (ฉันสามารถนั่งอย่างคุณและไม่ทำอะไรเลยบ้างได้ไหม) นกอินทรีตอบ “Sure, why not.” (ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ) หลังจากนั้นกระต่ายเลือกที่จะนั่งเฉยๆอย่างนกอินทรี สุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งเห็นเข้าจึงวิ่งมากระโดดตะครุบกินกระต่ายน้อยในที่สุด สรุปจบด้วย นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า” To be sitting and doing nothing, you must be sitting very, very high up. (หากอยากจะนั่งและไม่ทำอะไรเลย คุณจะต้องนั่งอยู่ในตำแหน่งที่สูงมากเสียก่อน) หวังว่าเรื่องราวของเจ้ากระต่ายตัวนี้จะเป็นแรงผลักดันให้ทุกคนสู้ต่อไปในปีกระต่าย (ดุ) 2554 ได้บ้างนะคะ 

มีคำถามหรือข้อคิดเห็นถึงคอลัมน์สามารถเขียนถึงพี่นุ้ยได้ที่ nuienglish@hotmail.com หรือ www.facebook.com/nuienglish แล้วพบกันใหม่ใน Just Ask@Thai Oil ค่ะ

ความคิดเห็น